ภาคต่อที่เด็ดขาดไม่น้อยหน้าภาคแรก ครั้งนี้ซูเปอร์แมน (Christopher Reeve) ต้องรับมือกับ 3 จอมวายร้ายจากดาวคริปตอน (ซึ่งมีพลังเทียบเท่ากับเขา แต่เล่ห์เหลี่ยมมากกว่า)ซึ่งนำทีมโดย นายพลซอด (Terence Stamp) และ เล็กซ์ ลูธอร์ (Gene Hackman) คู่ปรับตัวแสบก็ยังแหกคุกออกมาร่วมขบวนด้วย ในขณะที่คลาร์ค เคนท์ (ซูเปอร์แมนในร่างนักข่าว) ก็กำลังมีความรักอยู่กับลอยส์ เลน (Margot Kidder) แล้วเขาจะเปิดเผยให้เธอทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเขาคือใคร อันนี้ต้องติดตามครับ ถ้าภาคแรกว่าดี ภาค 2 นี่จัดว่าเฉียบคมกว่า เนื้อหาหลากหลายมากขึ้น ปมนี่พันกันนัวเนียเลยครับ ไหนจะเรื่องความรักระหว่างซูเปอร์แมนกับลอยส์ เลน ยังมีเรื่องวายร้ายบุกตามมาอีก เออ หนังก็มันส์แบบเต็มพิกัดกันไปเลย และฉากตีกันช่วงท้ายก็ยอดเยี่ยมเอามากๆด้วย ให้อารมณ์ความมันส์แบบถึงเครื่องจริงๆ เทคนิคพิเศษก็ตระการตาดี ชื่อ ผู้กำกับในเรื่องนี้คือ Richard Lester แต่ถ้าหากว่ากันตามหลักแล้ว ผู้กำกับตัวจริงก็ยังคงเป็น Richard Donner เจ้าเก่าอยู่ดีนั่นแหละ คือ อย่างนี้ครับ ภาพที่ท่านเห็นในภาคนี้ส่วนใหญ่มันก็คือฟิล์มที่เหลื อจากภาคก่อนนั่นเอง ซึ่งตอนนั้นผู้กำกับ Donner แกถ่ายทำเอาไว้ยาวมาก ในภาคแรกมันจบแค่ซูเปอร์แมนจับเล็กซ์ได้ แต่จริงๆ แล้ว Donner แกถ่ายยาวไปโน่นเลยครับ ถึงตอนที่ 3 วายร้ายจากดาวคริปตอนหลุดออกมาจากแฟนธ่อม โซน แล้วก็มีการต่อสู้กันไปยันจบเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ขืนทำภาคแรกออกมายาวขนาดนั้นคงไม่มีคนทนดูและรายได้ค งไม่มากเป็นแน่ ทีมงานเลยซอยภาคแรกฉายไปอย่างที่เห็น ส่วนฟิล์มที่เหลือก็เอามาทำตอนสองแทน (คล้ายๆ Kill Bill อยู่เหมือนกันนะว่ามั้ย) และยิ่งไปกว่านั้นชื่อ ของ Gene Hackman ขึ้นเป็นดารานำเลยเห็นกันใช่มั้ยครับ แต่เชื่อมั้ยว่าจริงๆ แล้ว Hackman ไม่ได้กลับมาถ่ายทำในกองถ่ายของ Superman II เลยแม้แต่ฉากเดียว ! ครับ ใช่แล้ว ที่เราเห็น Hackman เล่นนั้น ทุกฉากล้วนมาจากฟิล์มของภาคแรกทั้งสิ้น จะมีก็เพียงบางฉากเท่านั้นที่ทีมงานต้องถ่ายใหม่ เลยใช้เทคนิคเอาคนหน้าตาท่าทางคล้ายคลึงมาถ่ายแบบไกล ๆ แต่ถ้าถามว่าทำไมชื่อของผู้กำกับถึงไม่ใช่ Donner นั่นก็เพราะมีการตีกันภายในนั่นแหละครับ มีการขัดแย้งกับผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งงานนี้ก็มีการใช้เหตุผลคลาสสิคที่นักดูหนังน่าจะ คุ้นเคย นั่นคือ
หนังแนะนำสำหรับคุณ
หมวดหมู่หนัง
ปีที่หนังเข้าฉาย